เปิดร้านชาไข่มุกยังไงให้รุ่งในปี2023

เปิดร้านชาไข่มุกยังไงให้รุ่งในปี 2023 ทุกวันนี้ธุรกิจร้านกาแฟแข่งขันให้รุ่งได้ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง ทั้งดีไซน์การตกแต่งของร้าน บรรยากาศภายในร้าน เมนูสร้างสรรค์ รสชาติถูกใจคอกาแฟ สไตล์การให้บริการ และสถานที่หรือทำเลที่ตั้งที่เดินทางไปถึงได้สะดวก ทุกอย่างเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่เชิญชวนให้ลูกค้าขาจรอยากกลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกลายเป็นลูกค้าประจำ

อย่างไรก็ตาม หากอยากเปิดร้านกาแฟและต้องการผลักดันให้ธุรกิจร้านกาแฟของคุณอยู่รอดได้ ผู้ประกอบการต้องแปลงรูปแบบของธุรกิจ (Business Model) นั้นเป็นรูปแบบทางการเงิน (Financial Model) ให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจร้านกาแฟในฝันให้ได้ ได้แก่

เปิดร้านชาไข่มุกยังไงให้รุ่งในปี 2023

เปิดร้านชาไข่มุกยังไงให้รุ่งในปี 2023

สิ่งที่ต้องคำนึงเมื่อจะวางแผนลงทุนเปิดร้านกาแฟ

หลังจากผู้ประกอบการรู้แล้วว่าจะเปิดร้านกาแฟแบบไหนแล้ว เงินลงทุน ต้นทุน ค่าใช้จ่าย และราคาขายจะต้องสอดคล้องกัน สมมติว่าจะขายกาแฟในราคาไม่เกิน 50 บาท แต่กลับต้องการแต่งร้านให้ดูหรูหรา หรือลงทุนไปกับการตกแต่งมาก จ้างพนักงานหลายคน ระยะเวลาคืนทุนหรือกว่าจะได้ทุนคืนที่ลงไปก็จะนานมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้จะยอมรับกันได้หรือไม่

เปิดร้านชาไข่มุกยังไงให้รุ่งในปี 2023

ความพอใจของผู้ประกอบการแต่ละท่านไม่เหมือนกัน บางคนพอใจจะเปิดร้านกาแฟไปเรื่อยๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ไม่มีค่าเช่าเป็นอาชีพเสริม กำไรขาดทุนไม่สำคัญ บางคนอยากได้เงินทุนคืนเร็วเพราะไปกู้ยืมเงินเขามา จำเป็นต้องพิจารณาภาระหนี้ที่ต้องชำระคืนต่อเดือนเทียบกับความสามารถในการหาเงินสดจากการดำเนินงานด้วย

เงินลงทุนเปิดร้านกาแฟอีกส่วนคือ เงินทุนหมุนเวียนจำเป็นในการเปิดร้าน 

– วัตถุดิบสินค้า เช่น เมล็ดกาแฟ นมสด นมข้นหวาน น้ำตาล วิปครีม น้ำสะอาด ผงวนิลา ผงช็อกโกแลต ไซรับ น้ำแข็ง ซองน้ำตาล ซองครีมเทียม เป็นต้น ประเมินว่าจะต้องเก็บไว้เท่าไร คำนวณคร่าวๆ ว่าจะขายกี่แก้วต่อวันหรือต่อสัปดาห์ วัตถุดิบบางอย่างเก็บไว้นานไม่ได้ เช่น นมสด ต้องประมาณว่าจะใช้เท่าไร มากไปก็เหลือจนเสีย น้อยไปก็ต้องหาเวลาไปซื้อให้ทัน

– บรรจุภัณฑ์ เช่น แก้วกาแฟ (กระดาษสำหรับเครื่องดื่มร้อน พลาสติกใสสำหรับเครื่องดื่มเย็น) ฝาปิด ไม้คน หลอดดูด กระดาษทิชชู่ เป็นต้น ในกรณีของแก้วกาแฟ บางคนอยากจะทำโลโก้ร้านสกรีนบนแก้วกาแฟ ต้องพิจารณาให้ดีว่าจะต้องทำขั้นต่ำกี่แก้ว บางโรงงานขอขั้นต่ำ 10,000 – 30,000 แก้ว ยิ่งสั่งทำน้อย ราคาต่อแก้วยิ่งสูง ราคาแก้วกาแฟเย็น ขนาดแก้วไม่เท่ากันอีก ที่ร้านมีพื้นที่เก็บแก้วจำนวนมากหรือไม่ 

สมมติว่าเราจะขายวันละ 100 แก้ว สั่งซื้อมา 10,000 แก้ว แปลว่าเราจะมีขาย 100 วัน หรือ 3 เดือนกว่า ถ้าไม่สนใจเรื่องสกรีนโลโก้ ราคาแก้วกาแฟเย็นขนาด 22 Oz. เนื้อ PP เฉลี่ยแก้วละ 3.20 บาท ถ้าสั่ง 1 ลัง มี 500 ใบ

– ค่าเช่าสถานที่ ควรศึกษาสัญญาเช่าให้ละเอียดว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง เช่น ค่าเช่ารายเดือน ค่าเช่าจ่ายล่วงหน้ากี่เดือน และเงินมัดจำหรือเงินประกันตามสัญญาเช่า ซึ่งเงินมัดจำจะได้คืนเมื่อหมดสัญญาเช่าหรือจะถูกยึดไป เมื่อไม่สามารถชำระค่าเช่ารายเดือนตามที่ตกลงไว้ 

ค่าเช่าสถานที่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ หรือต้นทุนคงที่ในกรณีที่สัญญาเช่ากำหนดให้ชำระเท่าๆ กันทุกเดือน และจะเป็นต้นทุนผันแปรเมื่อสัญญาเช่าระบุให้กำหนดเป็น GP หรือ Gross Profit คำนวณเป็นร้อยละต่อยอดขาย เช่น GP 18% ผู้ประกอบการจะคำนวณค่าเช่าจาก ยอดขาย (100,000 บาท) คูณอัตรา GP ร้อยละ 18 จะต้องชำระค่าเช่าเท่ากับ 18,000 บาท

เวลาเจรจากับเจ้าของสถานที่ต้องรู้ให้หมดว่า ยังมีค่าใช้จ่ายอะไรที่เกี่ยวข้องอีกบ้าง

เมื่อหาทำเลสำหรับเปิดร้านกาแฟ เวลาเจรจากับเจ้าของสถานที่ อย่าลืมถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าที่จอดรถ ค่าใช้จ่ายในการร่วมมือการจัดกิจกรรมต่างๆ ค่าเช่าที่ระบุในสัญญามักไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าภาษีโรงเรือนที่ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบจ่ายด้วย ปกติประมาณ 12.5% ของค่าเช่า

– ค่าจ้างพนักงาน ทั้งพนักงานประจำ และพนักงาน Part Time หรือรายวัน ต้องคำนวณให้ได้ว่าควรมีพนักงานกี่คน มากน้อยตามความเหมาะสมของเวลา ของจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการ นอกเหนือจากค่าจ้างแล้วต้องพิจารณาเรื่องสวัสดิการ โบนัส ค่าทำงานนอกเวลาหรือ OT เป็นต้น 

– ค่าสาธารณูปโภค ควรคำนวณให้ได้ว่าจะเสียค่าไฟฟ้าค่าน้ำประปาเท่าไรต่อเดือน สามารถเทียบเคียงกับร้านข้างเคียงได้