วิธีเลือกทำเลเปิดร้านขายชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟให้ปัง

วิธีเลือกทำเลเปิดร้านขายชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟให้ปัง

ด้วยหลัก 3T + C กันเถอะ!

วิธีเลือกทำเลเปิดร้านขายชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟให้ปัง

การจะเปิดร้านชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟสักร้านหนึ่งนั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องพิจารณา ไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่เงินทุนอย่างเดียวก็จะเปิดได้ วันนี้เราจึงมีแนวทางการเลือกทำเลที่น่าสนใจอย่างหลัก 3T + C มาเป็นทางเลือกสำหรับคุณ

1. Target Customer

เราต้องรู้ก่อนว่าลูกค้าเราเป็นใคร เพศหญิง เพศชาย อายุเท่าไหร่ รายได้ประมาณเท่าใด และที่สำคัญคือ ความต้องการของพวกเขาเหล่านั้นต่อร้านชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟของเรา เช่นหากกลุ่มเป้าหมายของเราคือ พนักงานโรงงาน ทำเลที่ควรจะเปิดก็อาจจะเป็นตลาดนัดใกล้ๆ กับโรงงาน เป็นต้น

วิธีเลือกทำเลเปิดร้านขายชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟให้ปัง

วิธีเลือกทำเลเปิดร้านขายชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟให้ปัง

2. Traffic

เมื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใครแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องดูคือ การจารจร เช่น ทำเลที่ร้านของเราตั้งอยู่มีจำนวนกลุ่มเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน เดินทางไปมาร้านของเราสะดวกหรือไม่ การจะเดินทางไปมาร้านของเรานั้น ต้องเดินทางมาด้วยวิธีไหน มีที่จอดรถสะดวกและมากพอต่อความต้องการหรือไม่

วิธีเลือกทำเลเปิดร้านขายชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟให้ปัง

อีกประการหนึ่งคือ การเดินทางมาร้านของเรานั้น มีความถี่มากน้อยแค่ไหน เช่น มาวันละครั้ง อาทิตย์ละครั้ง เดือนละครั้งหรือปีละครั้ง และมีความรู้สึกอย่างไรต่อสินค้าและบริการของเราอย่างไร

นอกจากนี้ร้านของเราควรอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นได้ง่าย และมองเห็นได้รอบด้าน ถ้าหากร้านวางอยู่ในจุดอับ ธุรกิจเราก็สามารถดับได้ในพริบตา

3. Time to Shop

การขายสินค้าให้ได้มาก สิ่งที่ต้องระวังและประมาทไม่ได้เลยคือ เวลาที่ควรจะเปิดขาย จริงอยู่ว่าเราสามารถเปิดร้านทั้งวันได้ แต่ลูกค้าของเราจะเข้ามาตอนไหนบ้าง นี่คือสิ่งที่เราควรพิจารณามากกว่า

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ตอนเช้าก็จะสามารถขายได้แค่เวลาประมาณ 7 โมงเช้าถึง 8 โมงก่อนเข้าทำงาน ส่วนตอนเที่ยงก็มีเวลาแค่ช่วงเที่ยงถึงประมาณบ่ายโมง ส่วนตอนเย็นอาจจะพอได้บ้าง ตั้งแต่ 6 โมงเย็น เวลาเลิกงานจนถึงเวลาที่ดึกกว่านั้นหากมีการทำงานล่วงเวลา

สรุปได้ว่าหากกลุ่มเป้าหมายของเราคือพนักงานออฟฟิศ เราอาจจะขายได้วันละประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง และหากเป็นวันหยุดก็อาจจะไม่มีลูกค้าเลยด้วยซ้ำ รายได้ก็จะหายไป แต่ค่าเช่าต่างๆ ก็ยังคงต้องจ่ายอยู่ เพราะฉะนั้นจึงต้องพิจารณาตรงนี้เข้าไปตอนเลือกทำเลร้านด้วย

4. Competition

อีกเรื่องที่ต้องพิจารณาคือ “ตาม้า” และ “ตาเรือ” คล้ายกับเกมหมากรุก ถ้าเดินไม่ดีก็อาจเสียเงินไปฟรีๆ เสียเปล่า

ต่อแรก ตาม้าโดนกินเพราะคู่แข่งมีจำนวนมากเกินไป เราไปเปิดใหม่ๆ ต้องถูกตั้งป้อมกันท่าจากคู่แข่งแน่นอน

ต่อสอง ตาเรือโดนกั๊ก ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถ ราคาค่าเช่าที่ เรามาทีหลังมีเรือจอดขวางคลองคอยจ้องไม่ให้เราเข้าทำตลาดง่ายๆ หรือทำธุรกิจได้อย่างราบรื่น เดินไปก็อาจโดนเรือชนจมลงทะเลก็เป็นได้

ต่อสาม ตาโคน ถ้าเราไม่มีความแตกต่างที่ดีกว่าเจ้าเก่าหรือคู่แข่งในตลาด เปิดร้านไปก็อาจจะโดนกินแบบถอนราก ถอนโคน สินค้าเหลือเต็มร้านไปหมด

ต่อสี่ ตาเบี้ยโดนรุกฆาตด้วยเบี้ย ลูกค้าไม่เข้า กำไรไม่มี โดนตัดราคา รายได้หาย กำไรหด แต่รายจ่ายเท่าเดิม หนี้สินเริ่มรุงรัง ขุนโดนเบี้ยต้อนจนมุมพ่ายแพ้ในการแข่งขันไปตามระเบียบ

เรื่องคู่แข่งในตลาดมีให้เราต้องประสบพบเจออย่างแน่นอน เราจึงต้องหาทางแก้เกมไว้ตั้งแต่ตอนเราเลือกทำเลที่ตั้งร้าน โดยพยายามเปลี่ยนคู่แข่งให้เป็นคู่ค้า สร้างมิตรภาพในการดำเนินธุรกิจ หาทางให้ทุกคนอยู่รอดไปด้วยกัน อย่างสันติ

วิธีเลือกทำเลเปิดร้านขายชานมไข่มุกหรือร้านกาแฟให้ปัง

ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการเลือกหาทำเลที่ตั้ง และวิธีการคิดที่จะปรับปรุงพัฒนาในการทำธุรกิจให้เฮงและปังในหลายๆ ด้าน อย่างที่โบราณกล่าวไว้ว่า “เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง”