ประเภทกาแฟ ที่ได้รับความนิยมกับเมนูยอดฮิตที่ทุกร้านกาแฟต้องมี

ประเภทกาแฟ ไม่ได้มีแค่เมนูกาแฟ หากไปตามร้านค้าข้างทางเราก็จะสั่งว่า เอากาแฟ 1 ถุง กาแฟ 1 แก้ว แต่ถ้าใครเข้าร้านกาแฟจะพบว่าชื่อเมนูต่าง ๆ มีเยอะมากบนป้ายเมนู อาจจะมีทั้งกาแฟ ชา สมูตตี้ นม แต่เชื่อว่าหลายคนก็คงยังงงว่าแต่ละเมนูนั้นต่างกันยังไง อาจมีสั่งผิดสั่งถูกกันบ้าง

แต่สำหรับคอกาแฟแล้วต้องห้ามพลาด ลองมาเรียนรู้ประเภทกาแฟกันว่ามีกี่ประเภท มีส่วนผสมที่ต่างกันยังไงบ้าง มาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันได้เลย

ประเภทกาแฟ ที่ต้องคุณรู้

  1. Espresso (เอสเพรสโซ)

Espresso หรือ “เอสเพรสโซ” เป็นกาแฟที่มีรสเข้มที่สุด เพราะถูกสกัดออกมาเป็นช็อต ๆ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการชงเมนูกาแฟสูตรอื่น ๆ ซึ่ง Espresso shot คือ กาแฟที่ได้จากการสกัดกาแฟจากเครื่องชงกาแฟ 1 shot มีปริมาตรเท่ากับ 30 mL หรือ 1 oz  กาแฟชนิดนี้จะมีรสชาติขมปนหวาน ที่มาของชื่อ เอสเพรสโซ มาจากคำภาษาอิตาลี “espresso” แปลว่า เร่งด่วน 

เอสเพรสโซ เป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลี และฝรั่งเศส สำหรับคอกาแฟที่แท้จริง มักจะดื่มเอสเพรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนมด้วยซ้ำ และมักจะเสิร์ฟเป็นช็อต  

 ประเภทกาแฟ
  1. Americano (อเมริกาโน่)

Americano หรือ “อเมริกาโน่” กาแฟที่ชงโดยเติมน้ำร้อนผสมลงไปในเอสเพรสโซ เป็นการเจือจางความเข้มของเอสเพรสโซด้วยน้ำร้อน ซึ่งจะมีความคล้ายกับ โอเลี้ยงของบ้านเรานี่เอง แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ซึ่งโอเลี้ยงมักใช้กาแฟสำเร็จรูป แล้วเติมน้ำร้อน เพราะผงโอเลี้ยงนั้นไม่ใช่ผงกาแฟ100% 

อเมริกาโน่ หรือที่บ้านเราเรียกว่า กาแฟดำ คือ การนำ Espresso 1 shot ใส่น้ำร้อน ทั้งนี้ปริมาณน้ำขึ้นอยู่กับสูตรของทางร้าน และเมล็ดกาแฟของร้านนั้น ๆ ส่วนเมนู Americano เย็น ในไทยนั้นแบ่งเป็น 2 แบบ

1. Americano เย็นปกติ มักจะสั่ง Americano เย็น ไม่หวาน/ไม่เอาน้ำตาล/ไม่ใส่น้ำเชื่อม ก็จะได้กาแฟ Espresso 1-2 shot +น้ำเปล่าให้เต็มแก้วเพื่อให้กาแฟเจือจางลง ไม่เข้มเท่า Espresso shot

2. Americano หวานปกติ คล้าย ๆ กับการสั่ง Americano เย็นทั่วไปแต่ใส่น้ำเชื่อม ไม่เกิน 30 ml ถึง 1 oz จะทำให้รสชาติที่หวานโดด

เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานกาแฟดำ ที่ไม่เข้มเท่าเอสเพรสโซเพียว ๆ สามารถจะเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อน และแบบเย็น 

 ประเภทกาแฟ
  1. Llatte (ลาเต้)

Llatte หรือ “ลาเต้” กาแฟสำหรับคอกาแฟมือใหม่ เพราะรสชาติไม่เข้มจนเกินไป ดื่มง่าย สามารถเพิ่มฟองนม เติมไซรัป ก็จะทำให้อร่อยกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น และดื่มง่ายกว่ากาแฟทุกชนิดเลยก็ว่าได้ จึงเป็นเหตุผลให้ลาเต้เป็นเครื่องดื่มกาแฟที่คนชอบมากที่สุดในเหล่าบรรดากาแฟ

เมนู Ice latte หรือ ลาเต้เย็น ก็จะประกอบด้วย Espresso shot + นม สามารถแตกออกเป็นเมนูย่อยได้ จากการใส่ไซรัปหรือน้ำเชื่อมกลิ่นต่าง ๆ เช่น caramel latte , halzenut latte, vanilla latte เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเครื่องดื่มอย่างกาแฟที่หลายคนรู้จักกัน คือ “Latte Art” ศิลปะฟองนมบนกาแฟให้เกิดเป็นลวดลายต่าง ๆ  ด้วยการใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อย ขณะที่เทนม และโฟมนมลงบนกาแฟ ทั้งนี้ ลาเต้อาร์ตไม่ได้มีเฉพาะกาแฟลาเต้เท่านั้น เมนูกาแฟชนิดอื่นที่มีนมเป็นส่วนผสมก็สามารถเติมลวดลายลงไปได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปหัวใจ ใบไม้ ตัวการ์ตูน

 ประเภทกาแฟ

4. Cappuccino (คาปูชิโน) 

Cappuccino หรือ “คาปูชิโน” อีกหนึ่งเมนูกาแฟเย็นเป็นที่นิยมไม่แพ้ลาเต้เลยก็ว่าได้ หลายคนอาจจะงงว่า แล้วต่างจากลาเต้ยังไง เพราะคาปูชิโน มีส่วนผสมของนม ซึ่งทำให้ดื่มง่ายเหมือน ๆ กับลาเต้ แต่รสชาติจะเข้มข้นกว่า สำหรับเมนูคาปูชิโน ประกอบด้วย Espresso shot 1 ส่วน ผสมกับ โฟมนม 2 ส่วน บางร้านอาจจะผสมนมลงไปด้วย 

จุดเด่นของคาปูชิโนคงหนีไม่พ้นฟองนมนุ่ม ๆ ที่อยู่ด้านบนกาแฟ ซึ่งจะโรยด้วยผงซินนามอน หรือผงโกโก้เล็กน้อย สำหรับในประเทศต้นกำเนิดคาปูชิโนอย่าง “อิตาลี” มักจะทานคาปูชิโนเสิร์ฟคู่กับขนมปังหรือคุกกี้ในมื้อเช้า 

 ประเภทกาแฟ

5.Mocha (มอคค่า)

Caffè Mocha หรือ “มอคค่า” อีกหนึ่งเมนูสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทานกาแฟ ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะรู้จักมอคค่าในรูปแบบกาแฟผสมช็อกโกแลตนั่นเอง จุดเด่นของมอคค่าไม่บอกทุกคนก็คงรู้กันดีว่าทั้ง “หอม หวาน มัน”

มอคค่า จะเป็นการนำEspresso shot มาบวกโกโก้นั่นเอง ทำให้ได้รสชาติกาแฟผสมโกโก้ ได้รสชาติที่เข้มข้นของกาแฟ และได้กลิ่นของโกโก้อีกด้วย ซึ่งจะมีมอคค่าร้อนด้วย และในบางร้านอาจจะเสริมฟองนมไว้บนผิวกาแฟเพื่อเพิ่มความน่าลิ้มลองขึ้นไปอีก โดยส่วนใหญ่ บาริสต้ามักจะเพิ่มวิปครีม และราดด้วยไซรัปช็อกโกแลตบนหน้ากาแฟ ซึ่งบอกได้เลยว่าถึงไม่ใช่คอกาแฟ ได้ดื่มแล้วก็ต้องติดใจ 

6.Macchiato (มัคคิอาโต้)

ง่าย ๆ คือการทำกาแฟลาเต้ แบบแยกชั้นระหว่างนมกับกาแฟ Espresso shot โดยนม วิธีการทำคือจะใส่นมธรรมดา หรือผสมด้วยไซรัปต่าง ๆ ไปก่อน ตามด้วยการค่อย ๆ เท Espresso shot ลงบนนม จะทำให้เกิดการแยกชั้น เพราะน้ำกาแฟมีความหนาแน่นน้อยกว่านม

โดยเมนูนี้เกิดมาเพื่อสร้างความสีสันให้กับวงการกาแฟมากขึ้น เมื่อคนให้เข้ากันก็จะได้รสชาติเหมือนลาเต้ สามารถใส่ไซรัปได้เหมือนเมนูลาเต้ ทำให้แยกเป็นเมนูย่อย ๆ เช่น caramel macchiato 

7. Frappe (เฟร้บเป้)

จงอย่าลืมสังเกตนะ หากเมนูใดมีคำว่า Frappe ให้รู้ไว้ได้เลยว่าเป็นการปั่น และมีการใส่วิปครีมแน่นอน เช่น chocolate frappe 

8. Affogato (อัฟโฟกาโต)

ในภาษาอิตาลี แปลว่า “จม” หรือ “ถูกทำให้จม” โดยเป็นเมนู ไอศกรีมวนิลา ราดด้วย Espresso shot เหมาะผู้เริ่มต้นทานกาแฟ 

9.Flat White (แฟลทไวท์)

แฟลทไวท์ คือกาแฟที่มีต้นกำเนิดจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นส่วนผสมระหว่างกาแฟกับนมสดในปริมาณที่มาก จึงทำให้กาแฟมีสีขาวนวล ผิวกาแฟเคลือบด้วยนมบาง ๆ รสชาติไม่ค่อยเข้มมากนัก เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นดื่มกาแฟ หรือคอกาแฟที่ไม่ต้องการความเข้ม เพียงแค่จิบแล้วให้ความรู้สึกอุ่น นุ่ม ทานคู่กับคุกกี้รสกาแฟ เท่านี้ก็ลงตัวสุด ๆ  

เห็นแล้วใช่ไหมว่า เมนูกาแฟมีเยอะมาก ใครที่อยากเริ่มต้นการดื่มกาแฟ สามารถที่จะลองดื่มเมนูที่ผสมระหว่าง Espresso และนม รวมถึงการเพิ่มฟองนมที่ทำให้ดื่มง่ายมากยิ่งขึ้น และน่าลิ้มลองมากขึ้น

นอกจากนี้เครื่องดื่มกาแฟจะมีรสชาติอร่อย ต้องใช้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ รวมถึงร้านกาแฟร้านไหนอยากจะมีเครื่องดื่มชา ทาง bluemochatea ของเรามีใบชาแนะนำ และนอกจากนี้ทางเรายังรับผลิตชา OEM สำหรับท่านใดที่สนใจสอบถามเข้ามาได้เลย และนอกจากนี้จะดูสูตรชงใหม่ๆ อ่านบทความเพิ่มเติมก็ดูได้เลย แล้วอย่าลืมแชร์บอกต่อเพื่อส่งต่อเคล็ดลับดี ๆ กันด้วยนะ