5 สายพันธุ์เมล็ดกาแฟ ยอดนิยม ปี 2025 คอกาแฟต้องลอง !
สำหรับใครหลาย ๆ คน กาแฟคงเป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจในยามเช้า ช่วยปลุกความสดชื่นให้พร้อมเริ่มต้นวันใหม่ แต่เคยสงสัยกันไหมครับว่า กาแฟแก้วโปรดที่เราคุ้นเคย ทำไมถึงมีรสชาติแตกต่างกันออกไป ? บางแก้วหอมละมุน บางแก้วเข้มข้น บางแก้วก็เปรี้ยว ความลับของรสชาติอันหลากหลายซ่อนอยู่ใน“5 สายพันธุ์เมล็ดกาแฟ”ของเมล็ดกาแฟเหมือนกับผลไม้ ที่มีทั้งรสหวาน รสเปรี้ยว รสฝาด เมล็ดกาแฟก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แหล่งปลูก และกรรมวิธีการผลิต
ลองจินตนาการดูว่า”ถ้ากาแฟแก้วโปรดของคุณ”เปลี่ยนจากเมล็ดกาแฟเดิม ๆ มาเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยลอง รสชาติที่ได้อาจจะพลิกโฉมไปเลยก็ได้ ! บางทีอาจจะเจอกับรสชาติที่ถูกใจ กลายเป็นกาแฟแก้วโปรดแก้วใหม่ หรืออาจจะค้นพบมุมมองใหม่ ๆ ในการดื่มกาแฟที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วมีสายพันธุ์กาแฟอะไรบ้างล่ะ ? แต่ละแบบมีรสชาติยังไง ? แล้วเราจะเลือกกาแฟแบบไหนให้ถูกใจ ?
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจโลกแห่งกาแฟ เจาะลึก“5 สายพันธุ์เมล็ดกาแฟ”ยอดนิยม ที่คอกาแฟตัวจริงไม่ควรพลาด ! รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะเข้าใจกาแฟมากขึ้น และสนุกกับการเลือกกาแฟมากขึ้นอย่างแน่นอน !
ทำความรู้จัก”5 สายพันธุ์กาแฟ”ยอดนิยม ปี 2025
หลังจากรู้จักกับโลกของกาแฟกันไปบ้างแล้ว คราวนี้เรามาเจาะลึก 5 สายพันธุ์กาแฟยอดนิยม ที่คอกาแฟควรทำความรู้จักกัน !
1. อราบิก้า (Arabica)
ถ้าพูดถึงกาแฟ เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึง “อราบิก้า” เป็นอันดับแรก เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดจากประเทศเอธิโอเปีย ในแถบแอฟริกาตะวันออก แต่ปัจจุบันปลูกกันอย่างแพร่หลายในทวีปอเมริกาใต้ เหมาะกับการชงแบบ Drip, Pour Over, French Press เพราะจะดึงรสชาติและกลิ่นหอมออกมาได้ดีที่สุด
ลักษณะเด่น :
- กลิ่น : หอมหวาน คล้ายกลิ่นดอกไม้, ผลไม้ หรือช็อกโกแลต
- รสชาติ : กลมกล่อม มีรสเปรี้ยวอมหวาน คล้ายผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม หรือเบอร์รี่
- คาเฟอีน : ปานกลาง (ประมาณ 1.1 – 1.7%)
2. โรบัสต้า (Robusta)
โรบัสต้า เป็นสายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากอราบิก้า มีต้นกำเนิดในแถบทวีปแอฟริกา เช่นกัน แต่ปัจจุบันนิยมปลูกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ลักษณะเด่น :
- กลิ่น : เข้มข้น มีกลิ่น earthy
- รสชาติ : เข้ม ขม bold มีรสชาติ nutty chocolatey
- คาเฟอีน : สูง (ประมาณ 2.2 – 2.7%)
3. ลิเบอริก้า (Liberica)
ลิเบอริก้า เป็นสายพันธุ์กาแฟที่ค่อนข้างหายาก มีต้นกำเนิดในประเทศไลบีเรีย แถบแอฟริกาตะวันตก ลิเบอริก้า เป็นกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง เนื่องจากปลูกยาก และมีผลผลิตน้อย จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง
ลักษณะเด่น :
- กลิ่น : หอมแปลก มีกลิ่น smoky คล้ายไม้ และดอกไม้
- รสชาติ : เข้มข้น อมเปรี้ยว มีรสชาติ fruity spicy
- คาเฟอีน : ปานกลาง
4. เอ็กเซลซ่า (Excelsa)
เอ็กเซลซ่า เป็นสายพันธุ์กาแฟที่มักนำไปผสมกับสายพันธุ์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความซับซ้อนให้กับรสชาติ มีต้นกำเนิดในแถบแอฟริกาตะวันตก เช่นเดียวกับลิเบอริก้า มักนำไปผสมกับสายพันธุ์อื่น เพื่อเพิ่มความซับซ้อน ความเข้ม และกลิ่นหอม ให้กับกาแฟ
ลักษณะเด่น :
- กลิ่น : หอมคล้ายผลไม้ dark chocolate
- รสชาติ : เข้มข้น มี acidity และ body ปานกลาง
- คาเฟอีน : ปานกลาง
5. สายพันธุ์ผสม (Hybrid)
สายพันธุ์ผสม เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ เพื่อให้ได้กาแฟพันธุ์ใหม่ ที่มีคุณสมบัติตามต้องการ เช่น ทนทานต่อโรค ให้ผลผลิตสูง มีรสชาติ กลิ่น ที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างเช่น Arabusta เกิดจากการผสมระหว่าง อราบิก้า และโรบัสต้า มีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม และมีคาเฟอีนสูง
ลักษณะเด่น :
- ได้กาแฟที่มีคุณสมบัติ ตามที่ต้องการ
- เพิ่มความหลากหลาย ให้กับวงการกาแฟ
เป็นอย่างไรบ้าง พอจะรู้จักกับกาแฟแต่ละสายพันธุ์กันบ้างแล้วใช่ไหม ? คราวหน้า เวลาสั่งกาแฟ ลองถามบาริสต้าดูนะว่า ใช้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ไหน รับรองว่า จะได้ประสบการณ์การดื่มกาแฟที่สนุก และแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเรา Bluemocha มีเมล็ดกาแฟที่หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกไปรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มมากมาย มีทั้งคั่วเข้ม, คั่วกลาง และสายพันธ์ผสม ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดกาแฟBL-59, เมล็ดกาแฟV-59, เมล็ดกาแฟSPA, เมล็ดกาแฟNT-59, ผงกาแฟโบราณ
สนใจราคาส่ง เริ่มต้น 6 กิโลกรัมขึ้นไป แอดไลน์ @bluemochacoffee
บทความที่น่าสนใจ
- วิธีเลือก Portafilter Basket สำหรับมือใหม่ รู้ลึกทุกขนาดเพื่อรสชาติที่ดี !!
- แนะนำสินค้ามือใหม่ “ร้านกาแฟ” ของโรงคั่วชาบลูมอคค่า
- เมนูกาแฟมีอะไรบ้าง พร้อมแจกสูตรชงกาแฟให้อร่อย ทำง่าย ๆ
เทรนด์กาแฟ ปี 2025 อะไรจะมาแรง ?
โลกของกาแฟไม่เคยหยุดนิ่ง มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ทั้งในด้านรสชาติ วิธีการชง และเทรนด์การดื่ม วันนี้เราจะพาไปสำรวจเทรนด์กาแฟในปี 2025 ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ?
1. Specialty Coffee ยังคงมาแรง
กาแฟ Specialty Coffee เน้นคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การคั่ว จนถึงการชง เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติ และกลิ่น ที่ดีที่สุด เทรนด์นี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 คาดว่าจะมีร้านกาแฟ Specialty เปิดใหม่มากขึ้น และมีการแข่งขันกันพัฒนาคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
2. ความนิยมในการชงกาแฟ Cold Brew เพิ่มขึ้น
กาแฟ Cold Brew เป็นกาแฟที่ชงด้วยน้ำเย็น ใช้เวลาในการสกัดนานกว่ากาแฟร้อน ทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติ smooth กลมกล่อม ไม่ขม และมี acidity ต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟแบบ “ใส่นม” หรือ “ไม่ใส่น้ำตาล” ในปี 2025 คาดว่า Cold Brew จะยังคงเป็นที่นิยม และมีการพัฒนาสูตร และวิธีการชง ใหม่ ๆ ออกมา
3. กาแฟ Nitro Cold Brew (กาแฟไนโตรเจน) กำลังได้รับความสนใจ
Nitro Cold Brew คือ Cold Brew ที่อัดก๊าซไนโตรเจน ทำให้กาแฟมีฟองละเอียด คล้ายเบียร์ รสชาติ smooth นุ่มละมุน คล้าย Guinness เทรนด์นี้กำลังมาแรงในต่างประเทศ และเริ่มได้รับความสนใจในไทย คาดว่าในปี 2025 จะเห็น Nitro Cold Brew วางขายในร้านกาแฟมากขึ้น
4. การนำเทคโนโลยีมาใช้ในวงการกาแฟ
เทคโนโลยี เช่น AI และ IoT เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการกาแฟมากขึ้น เช่น การใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อพัฒนาสูตรกาแฟ การใช้ IoT ควบคุมอุณหภูมิ และเวลา ในการคั่วกาแฟ เพื่อให้ได้รสชาติ และคุณภาพ ที่สม่ำเสมอ คาดว่าในอนาคต เทคโนโลยี จะเข้ามาช่วยยกระดับวงการกาแฟ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
5. ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นเรื่องสำคัญ
ผู้บริโภคยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ร้านกาแฟ จึงต้องให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืน เช่น การใช้แก้ว หลอด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดขยะ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ และการค้าที่เป็นธรรม (Fair Trade)
6. กาแฟ Ready-to-Drink (RTD) ยังคงเติบโต
กาแฟ RTD เป็นกาแฟพร้อมดื่ม ที่หาซื้อได้ง่าย สะดวก พกพา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง คาดว่าในปี 2025 ตลาดกาแฟ RTD จะยังคงเติบโต และมีการแข่งขันสูง ทั้งในด้านรสชาติ บรรจุภัณฑ์ และราคา
7. กาแฟเพื่อสุขภาพ
ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เทรนด์กาแฟเพื่อสุขภาพ จึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง เช่น กาแฟผสม adaptogens (สมุนไพร ที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย) กาแฟ low-caffeine กาแฟ organic และกาแฟที่ใช้นมทางเลือก เช่น นมโอ๊ต นมถั่วเหลือง
“นี่เป็นเพียงเทรนด์ส่วนหนึ่ง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2025 โลกของกาแฟยังคงมีสิ่งใหม่ ๆ ให้เราได้ค้นหา และลิ้มลอง อีกมากมาย”
เคล็ดลับการเลือกเมล็ดกาแฟ : ค้นพบกาแฟแก้วโปรดที่ใช่สำหรับคุณ
รู้จักกับสายพันธุ์กาแฟยอดนิยมกันไปแล้ว คราวนี้มาถึงขั้นตอนสำคัญ นั่นคือ “การเลือกเมล็ดกาแฟ” ครับ หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แต่จริงๆ แล้ว การเลือกเมล็ดกาแฟไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด ขอแค่รู้หลักการง่ายๆ ก็สามารถเลือกกาแฟที่ถูกใจ ได้ไม่ยากเลย
1. เลือกตามรสชาติที่ชอบ
ก่อนอื่น ต้องถามตัวเองก่อนว่า ชอบดื่มกาแฟรสชาติแบบไหน ?
- สายเปรี้ยว : ถ้าชอบกาแฟรสเปรี้ยว สดชื่น แนะนำให้เลือกเมล็ดกาแฟอราบิก้า จากประเทศเคนยา เอธิโอเปีย หรือ โคลอมเบีย
- สายขม : ถ้าชอบกาแฟรสเข้ม ขม แนะนำให้เลือกเมล็ดกาแฟโรบัสต้า หรือ อราบิก้า ที่ผ่านการคั่วเข้ม (Dark Roast)
- สายหวาน : ถ้าชอบกาแฟรสหวาน หอม แนะนำให้เลือกเมล็ดกาแฟอราบิก้า สายพันธุ์ Bourbon หรือ Pacamara
- สายกลมกล่อม : ถ้าชอบกาแฟรสชาติบาลานซ์ ไม่เปรี้ยว ไม่ขม เกินไป แนะนำให้เลือกเมล็ดกาแฟอราบิก้า สายพันธุ์ Typica หรือ Caturra
2. เลือกตามวิธีการชง
- Drip/Pour Over : เหมาะกับเมล็ดกาแฟคั่วกลาง (Medium Roast) ถึง คั่วอ่อน (Light Roast) จะดึงรสชาติ และกลิ่น ของกาแฟออกมาได้ดี
- French Press : เหมาะกับเมล็ดกาแฟคั่วกลาง (Medium Roast) จะได้กาแฟที่มี body เข้มข้น
- Moka Pot : เหมาะกับเมล็ดกาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast) จะได้กาแฟรสชาติเข้ม คล้าย Espresso
วิธีการชง ก็มีผลต่อการเลือกเมล็ดกาแฟเช่นกัน เพราะแต่ละวิธีเหมาะกับเมล็ดกาแฟ และระดับการคั่วที่แตกต่างกัน ถ้ายังไม่แน่ใจว่า จะเลือกเมล็ดกาแฟแบบไหนดี ลองปรึกษา “บาริสต้า” ตามร้านกาแฟ Specialty ดูก็ได้ครับ หรือจะไปเดินเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ ตามร้านขายเมล็ดกาแฟ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี
Tips เพิ่มเติม :
- ลองซื้อเมล็ดกาแฟขนาดเล็ก มาทดลองชงดูก่อน ถ้าถูกใจค่อยซื้อขนาดใหญ่
- สังเกตวัน เดือน ปี ที่ผลิต (Roasted Date) บนบรรจุภัณฑ์ ควรเลือกเมล็ดกาแฟที่คั่วใหม่ๆ จะได้รสชาติที่ดีที่สุด
- เก็บเมล็ดกาแฟในภาชนะที่ปิดสนิท ในที่แห้ง และเย็น เพื่อรักษาคุณภาพ และกลิ่น ของกาแฟ
เป็นอย่างไรกันบ้าง หลังจากอ่านบทความนี้จบ เชื่อว่าหลายคนคงได้รู้จักกับ”โลกแห่งกาแฟ”ในมุมมองที่กว้างขึ้น และเห็นแล้วว่า กาแฟไม่ได้มีแค่รสชาติเดียว แต่มีความหลากหลาย ซับซ้อน น่าค้นหา ไม่ต่างจากไวน์ หรืออาหารชนิดอื่น ๆ เลย เราได้เรียนรู้ไปด้วยกันว่า เบื้องหลังกาแฟแต่ละแก้ว มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ แหล่งปลูก กรรมวิธีการผลิต และวิธีการชง ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ ก็มีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ แตกต่างกันออกไป
- อราบิก้า : ราชาแห่งกาแฟ หอมละมุน รสชาติกลมกล่อม อมเปรี้ยว
- โรบัสต้า : เข้มข้น ขม ปลุกพลังยามเช้า
- ลิเบอริก้า : หายาก มีกลิ่นเฉพาะตัว รสชาติเข้มข้น อมเปรี้ยว
- เอ็กเซลซ่า : หอมคล้ายผลไม้ มักนำไปผสมเพื่อเพิ่มความซับซ้อนให้รสชาติ
- สายพันธุ์ผสม : ผสมผสานจุดเด่นของแต่ละสายพันธุ์ สร้างสรรค์รสชาติใหม่ ๆ
นอกจากนี้ เรายังได้เรียนรู้วิธีการเลือกเมล็ดกาแฟ ให้เหมาะกับรสนิยม และวิธีการชง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตามรสชาติ (เปรี้ยว ขม หวาน) หรือเลือกตามวิธีการชง (Drip, French Press, Moka Pot) การดื่มกาแฟ ไม่ใช่แค่การเติมคาเฟอีน แต่เป็นการเสพ”ประสบการณ์”การลิ้มรส สัมผัส และดื่มด่ำกับ”ศิลปะ”ในรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น อย่าหยุดที่จะ”เปิดประสบการณ์”ใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ทดลองชิมกาแฟจากสายพันธุ์ต่างๆ จากแหล่งปลูกที่หลากหลาย หรือลองวิธีการชงแบบใหม่ ๆ บางที คุณอาจจะค้นพบกาแฟแก้วโปรด ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน หรืออาจจะตกหลุมรัก”โลกแห่งกาแฟ”เข้าอย่างจัง ก็เป็นได้
ยิ่งเลือกใช้วัตถุดิบหลักดี ๆ ก็จะช่วยให้สามารถรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มได้มากยิ่งขึ้น เพราะการมีเมนูเครื่องดื่มหลากหลาย ก็จะเป็นตัวเลือกในการเลือกดื่มของลูกค้าได้นั้นเอง หากใครที่อยากจะได้สูตรชงน้ำชง เราก็มีมาแบ่งปันทั้งเมนูกาแฟ และเมนูชายอดนิยม โรงคั่วชา Bluemocha เป็นโรงคั่วชาในเชียงใหม่ที่มีบริการจำหน่ายใบชาและเมล็ดกาแฟมากกว่า 50 รายการอย่างเช่น ชาไทยพรีเมียม, ชาไทยโกลด์, ชาเขียวพรีเมียม, ชาไต้หวัน, ชาไต้หวันพรีเมียม, ชาอัญชัน, ชามะลิใส, ผงครีมชีส และผงโกโก้ สินค้าทั่วไปหลากหลายชนิด เช่น ชาแดงโบราณ, ชาเขียวโกลด์, ชาเขียวมะลิ, ชาเขียวใส, ชาเขียวไม่มีสี, ชาเขียวมัทฉะ, ชาอู่หลงสีทอง GD-8, ชาพีนัทบัทเตอร์, ชากุหลาบ, ชาเบอร์รี, ชาพีช, ชาสด, ชากระเจี๊ยบ และผงดาร์กเกอร์โกโก้
โรงงานผลิตชา Bluemocha มีบริการผลิตชา OEM&ODM ที่มีมาตรฐานรับรอง มีทีมงานดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษา จัดหาวัตถุดิบ ดูแลในส่วนของกระบวนการผลิต การบรรจุ ตลอดจนไปถึงการหาบริการขนส่งที่เหมาะสม เพื่อให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย และมีคุณภาพที่ดี สามารถผลิตชาได้หลากหลายชนิด ทั้งยังมีบริการรับพัฒนาสูตรชา และแกะสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า
สั่งผลิตชากับโรงงานผลิตชา Bluemocha ได้อะไร ?
- ให้คำปรึกษาฟรี ให้กับลูกค้าที่ไม่มีประสบการณ์ในการเปิดร้าน และลูกค้าที่เปิดร้านอยู่แล้ว
- เชี่ยวชาญในการรับจ้างการผลิตในจำนวนมาก เพราะมีลูกค้าทำแบรนด์กับ Bluemocha หลายแบรนด์เหมือนกัน
- Bluemocha เรามีตัวอย่างให้ลูกค้าได้ทดลองเพียงติดต่อหาเรา
- มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อที่ไม่สูง งบน้อยย่อมสร้างแบรนด์ได้ ไม่ต้องลงทุน
- สต๊อกวัตถุดิบไว้เยอะ พร้อมส่งทันที
- สามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์เองได้ ฟรี
- มีบริการส่งออกต่างประเทศ
- รับสิทธิพิเศษมากมาย
หากสนใจทำแบรนด์กับ Bluemocha เริ่มต้นทำแบรนด์ได้เลยเมื่อสั่งผลิต 51 กิโลกรัมขึ้นไป เรามีบริการ ออกแบบโลโก้ฟรี จดอย.ให้ฟรี เมื่อสั่งผลิต100 กิโลกรัมขึ้นไป ยื่นขอรับรองฮาลาล (HALAL) เมื่อสั่งผลิต 500 กิโลกรัมขึ้นไป, ปรับสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า, มีตัวอย่างให้ทดลองฟรี และยื่นขอใบสำหรับลูกค้าที่ต้องการส่งออกไปต่างประเทศ เราจัดส่งสนค้าทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ ไม่ต้องรอนานแน่นอน เรามีบริการจัดส่งสินค้ากับบริษัทที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย, Kerry, DHL, SCG, J&T รวมไปถึงการขนส่งผ่านรถสาธารณะของประเทศไทย เพื่อความสะดวกสำหรับลูกค้า เพราะเราใส่ใจลูกค้าทุกท่านให้ได้รับใบชาที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ Bluemocha ยังสามารถที่จะจัดส่งไปยังต่างประเทศ เพราะเรารับสร้างแบรนด์ชาให้กับผู้ที่อยากจะส่งออกชาไปยังต่างประเทศ ด้วยบริการที่ครบวงจร พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษากับลูกค้าตลอดการสั่งซื้อ เราขนส่งสินค้าได้สะดวก รวดเร็ว ทั้งขนส่งทางเรือ และเครื่องบิน เพื่อให้ได้สินค้าที่ปลอดภัย และมีคุณภาพที่ดี หากสนใจสั่งซื้อ เรามีโปรโมชั่นจัดส่งฟรีทั่วประเทศ เมื่อสั่งซื้อ 5,000 Kg. ขึ้นไป และฟรีค่ายื่นจดอย. เมื่อสั่งซื้อ 100 Kg. ขึ้นไป Bluemocha พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่าน
“Bluemocha คือ เพื่อนคู่คิด ผลิตใบชา ให้คำปรึกษาครบวงจร”
แหล่งอ้างอิง”5 สายพันธุ์เมล็ดกาแฟ”
- Perfectdailygrind : https://www.perfectdailygrind.com
- Sprudge : https://sprudge.com
- Coffeereview : https://www.coffeereview.com
- Thaicoffee : https://www.thaicoffee.or.th
- Gather8 : https://gather8.com