อย. คืออะไร? ขั้นตอนการขอ อย. สำหรับธุรกิจชา ครบจบในที่เดียว
ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น “อย.” หรือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมและกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ได้มาตรฐาน สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การขออนุญาตจาก อย. จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “อย. คืออะไร” มีความสำคัญอย่างไร พร้อมทั้งแนะนำขั้นตอนการขอ อย. สำหรับอาหารและเครื่องดื่มอย่างละเอียด เข้าใจง่าย อัปเดตล่าสุดปี 2025
อย. คืออะไร ?

อย. ย่อมาจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food and Drug Administration) เป็นหน่วยงานระดับกรม สังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่หลักในการปกป้องและคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยผลิตภัณฑ์สุขภาพเหล่านั้นต้องมีคุณภาพและปลอดภัย อีกทั้ง อย. ยังส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้องด้วยข้อมูลวิชาการที่มีหลักฐานเชื่อถือได้และมีความเหมาะสม
เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นสัญลักษณ์ อย. บนซองหรือถุงกาแฟ แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว อย. ย่อมาจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food and Drug Administration) เป็นหน่วยงานหลักของไทยที่คอยดูแล ควบคุม กำกับ คุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน ฯลฯ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสินค้าเหล่านี้ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
อย. สำคัญอย่างไรกับธุรกิจชา ?
สำหรับธุรกิจชา ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่าย การขอจดทะเบียน อย. ถือเป็น “กุญแจสำคัญ” ที่สร้างความน่าเชื่อถือ และรับประกันความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค เพราะชาจัดเป็น “อาหารที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน” ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 435) พ.ศ. 2565

ประโยชน์ของการมี อย. เร่งสปีดให้ธุรกิจชา ดังนี้
- เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า : ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าชาของคุณปลอดภัย มีคุณภาพ ผ่านการตรวจสอบและรับรองจาก อย. สร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์
- ถูกต้องตามกฎหมาย : ลดความเสี่ยงจากการถูกดำเนินคดี เพราะการขายชาบรรจุเสร็จที่ต้องแสดงฉลากโดยไม่มี อย. ถือว่าผิดกฎหมาย
- ขยายช่องทางการขาย : เพิ่มโอกาสในการวางขายสินค้าได้หลากหลายช่องทาง ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ รวมถึงร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free)
- ส่งออกได้ ตีตลาดทั่วโลก : อย. เป็นใบเบิกทางสำคัญสำหรับการส่งออกชาไปยังต่างประเทศ สร้างโอกาสในการขยายตลาดและเพิ่มยอดขาย
ไม่ใช่ชาทุกประเภทจะต้องขอ อย. ชาที่ “ต้อง” ขอ อย. คือชาที่แปรรูปและบรรจุในภาชนะปิดสนิท พร้อมจำหน่าย ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 435) พ.ศ. 2565 กำหนดให้ชา รวมถึงชาสมุนไพร เป็นอาหารที่ต้องมีฉลากและต้องขอเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) โดยแบ่งเป็นประเภทหลัก ๆ ดังนี้ :
ชาแบบไหน ต้องขอ อย. ?
- ชา : หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากส่วนต่างๆ ของต้นชา Camellia sinensis เช่น ใบ, ยอดอ่อน ทั้งในรูปของชาแห้ง และชาผง
- ชาสมุนไพร : หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากส่วนต่าง ๆ ของพืช นอกเหนือจากต้นชา Camellia sinensis นำมาทำแห้ง หรือแปรรูป เช่น ชาอัญชัน, ชาดอกกระเจี๊ยบ, ชากุหลาบ, ชามะลิ ฯลฯ ทั้งในรูปของชาแห้ง, ชาผง และเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุปิดสนิท
- ผลิตภัณฑ์ของชาหรือชาสมุนไพร : เช่น สารสกัดจากชา, ชาปรุงสำเร็จ, ชาผสมวัตถุอื่น (ชาผสมคอลลาเจน)
ชาแบบไหน ไม่ต้องขอ อย. ?
- ใบชาสด : ใบชาสดที่ยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปใด ๆ ไม่ต้องขอ อย.
- ชาแบ่งขายหน้าร้าน : กรณีร้านชาที่ขายใบชาแห้ง โดยลูกค้าตักแบ่งเอง หรือร้านตักแบ่งให้ โดยไม่ได้บรรจุในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิท ไม่ต้องขอ อย. แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลความสะอาดปลอดภัยของสาธารณสุขท้องถิ่น
- ชาชงขายเป็นแก้ว : ร้านชาที่ชงชาขายเป็นแก้ว ไม่ต้องขอ อย. แต่ต้องรักษาความสะอาด และใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ
- พืชที่เป็นวัตถุดิบในการทำชาสมุนไพร ที่เป็นวัตถุดิบทางการเกษตร และไม่แปรรูป เช่น อัญชัน, ดอกกระเจี๊ยบอบแห้ง เฉพาะกระบวนการตัดแต่ง
เอกสารสำคัญ ใช้ขอ อย. ชา
หัวใจสำคัญของการขอ อย. ชา ให้ผ่านฉลุยคือ “เอกสาร” ต้องครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน โดยเอกสารที่ต้องเตรียม แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ :

1. เอกสารเกี่ยวกับผู้ประกอบการ/ สถานที่ผลิต
- กรณีบุคคลธรรมดา :
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- แผนที่ตั้งสถานที่ผลิต/จำหน่าย
- กรณีนิติบุคคล :
- สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (อายุไม่เกิน 6 เดือน)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีอำนาจลงนาม
- แผนที่ตั้งสถานที่ผลิต/จำหน่าย
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีให้ผู้อื่นดำเนินการแทน)
- กรณีจ้างผลิต (OEM) :
- หนังสือสัญญาจ้างผลิต
- หนังสือรับรองสถานที่ผลิต (GMP) ของผู้รับจ้างผลิต
- สำเนาใบอนุญาตผลิตอาหาร (แบบ อ.1) หรือใบรับแจ้งรายละเอียดตามแบบ (สบ.3) ของผู้รับจ้างผลิต (แล้วแต่กรณี)
2. เอกสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชา
- รายละเอียดผลิตภัณฑ์ : ชื่อผลิตภัณฑ์, ประเภทของชา (ชา, ชาสมุนไพร, ผลิตภัณฑ์ของชาหรือชาสมุนไพร), รายละเอียดของชา (เช่น ชาอู่หลง, ชาเขียวมะลิ, ชาดอกคาโมมายล์)
- สูตร/ส่วนประกอบ : ระบุส่วนผสมทั้งหมดของชา เรียงลำดับจากมากไปน้อย คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ให้ครบ 100% (โดยเฉพาะชาปรุงสำเร็จต้องระบุวัตถุเจือปนอาหาร และ แต่งกลิ่นสังเคราะห์ให้ชัดเจน)
- กรรมวิธีการผลิต : อธิบายขั้นตอนการผลิตอย่างละเอียด ตั้งแต่การคัดเลือกใบชา การอบ การบด (ถ้ามี) จนถึงการบรรจุ
- ฉลากผลิตภัณฑ์ : ต้องถูกต้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีข้อมูลสำคัญครบถ้วน เช่น ชื่ออาหาร, เลขสารบบอาหาร, ส่วนประกอบ, ปริมาณสุทธิ, วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ, วิธีเก็บรักษา, ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต/ผู้นำเข้า (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ [เว็บไซต์ อย.](ใส่ URL เว็บไซต์ อย. เกี่ยวกับฉลาก) )
- ผลการตรวจวิเคราะห์ : ในบางกรณี อย. อาจขอให้ส่งผลตรวจวิเคราะห์ชาจากห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน เช่น ผลตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้าง โลหะหนัก จุลินทรีย์
- เอกสารอื่นๆ (ถ้ามี) : เช่น ใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ (GMP, HACCP), ใบรับรองแหล่งปลูก (กรณีใช้วัตถุดิบที่ปลูกแบบออร์แกนิก)
ขั้นตอนการขอ อย. ชา แบบ Step by Step
เดี๋ยวนี้การขอ อย. สะดวกกว่าเดิมเยอะ เพราะสามารถยื่นขอ จดทะเบียน อย. ผ่านระบบออนไลน์ (e-Submission) ได้แล้ว มาดูขั้นตอนการขอ อย. ชา แบบละเอียด เข้าใจง่าย กันเลย :
- เตรียมเอกสาร : รวบรวมและตรวจสอบเอกสารทั้งหมดที่ระบุไว้ในหัวข้อ “เอกสารสำคัญ ใช้ขอ อย. ชา” ให้ครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน
- สมัครสมาชิก e-Submission : เข้าไปที่เว็บไซต์ [สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา](ใส่ URL เว็บไซต์ อย. ที่ถูกต้อง) และสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานระบบ e-Submission เลือกประเภท “ผู้ประกอบการ”
- ยื่นคำขอผ่านระบบ :
- เข้าสู่ระบบ e-Submission
- เลือก “ยื่นคำขอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหาร”
- เลือกประเภทคำขอให้ถูกต้อง (เช่น ขอขึ้นทะเบียนอาหาร (สบ.5), ขออนุญาตใช้ฉลากอาหาร (สบ.7))
- กรอกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบการ สถานที่ผลิต และรายละเอียดผลิตภัณฑ์ชาให้ครบถ้วน โดยเฉพาะข้อมูลดังนี้
- ประเภทของชา : ชา, ชาสมุนไพร, หรือผลิตภัณฑ์ของชาหรือชาสมุนไพร
- ลักษณะของชา : ใบ, ผง, ชาปรุงสำเร็จ, ฯลฯ
- ภาชนะบรรจุ: ระบุประเภท ขนาด และวัสดุของภาชนะบรรจุ
- ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนบันทึก
- อัปโหลดเอกสาร: อัปโหลดเอกสารประกอบคำขอทั้งหมด (แนะนำให้สแกนเอกสารเป็นไฟล์ PDF ชัดเจน อ่านง่าย) โดยเฉพาะเอกสารสำคัญ เช่น
- สูตรส่วนประกอบ 100%
- กรรมวิธีการผลิต
- ฉลากผลิตภัณฑ์
- ชำระค่าธรรมเนียม : ตรวจสอบและชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบออนไลน์ หรือพิมพ์ใบแจ้งชำระเงินและนำไปชำระที่ธนาคารที่รองรับ (ค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทคำขอ)
- ติดตามสถานะ : สามารถติดตามสถานะคำขอผ่านระบบ e-Submission ได้ตลอด โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารและข้อมูล หากไม่ถูกต้องหรือครบถ้วนจะมีการแจ้งเตือนให้แก้ไข (ควรตรวจสอบสถานะอย่างสม่ำเสมอ)
- รับเลขสารบบอาหาร (อย.) : เมื่อคำขอได้รับอนุมัติ จะได้รับแจ้งผลผ่านระบบ และสามารถดาวน์โหลดใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร (ใบ สบ.5) หรือใบสำคัญการใช้ฉลากอาหาร (ใบ สบ.7) ได้จากระบบ จากนั้นให้นำเลข อย. 13 หลักไปแสดงบนฉลากผลิตภัณฑ์
ค่าใช้จ่าย & ระยะเวลา ขอ อย. ชา
ค่าใช้จ่ายในการขอ อย. ชา จะแบ่งตามประเภทคำขอ ดังนี้ :
| ประเภทคำขอ | ค่าธรรมเนียม (บาท) |
| คำขอใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร (สบ.5) | 5,000 |
| คำขอแก้ไขรายการทะเบียนตำรับอาหาร (สบ.6) | 3,000 |
| คำขอใบแทนใบสำคัญ | 100 |
| คำขออนุญาตใช้/แก้ไขฉลากอาหาร (สบ.7) | 2,000 |
| คำขออื่น ๆ ที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ | 500 |
| ค่าตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ (ถ้ามี) | แตกต่างกันไป |
| ค่าธรรมเนียมธนาคาร (กรณีชำระผ่านธนาคาร) | แตกต่างกันไป |
หมายเหตุ :
- ค่าธรรมเนียมข้างต้นเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอ ผู้จดทะเบียน หรือผู้ได้รับใบอนุญาต ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร พ.ศ. 2560
- ค่าตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ จะขึ้นอยู่กับห้องปฏิบัติการและรายการตรวจวิเคราะห์ เช่น สารพิษตกค้าง โลหะหนัก จุลินทรีย์ ซึ่ง อย. อาจขอให้ตรวจเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์
- แนะนำให้ตรวจสอบค่าธรรมเนียมล่าสุดจากเว็บไซต์ อย. หรือประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง
โดยทั่วไป กระบวนการพิจารณาคำขอ อย. ชา จะใช้เวลาประมาณ 30-90 วันทำการ นับจากวันที่ยื่นคำขอ ชำระค่าธรรมเนียมครบถ้วน และเอกสารมีความถูกต้องสมบูรณ์ ทั้งนี้ ระยะเวลาอาจมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับ:
- ความถูกต้อง ครบถ้วนของเอกสาร : หากเอกสารครบถ้วน ถูกต้อง จะช่วยให้การพิจารณารวดเร็วขึ้น
- ประเภทของคำขอ : การขอขึ้นทะเบียนใหม่ (สบ.5) อาจใช้เวลานานกว่าการขอแก้ไขฉลาก (สบ.7)
- การติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ : การตอบสนองที่รวดเร็วและการแก้ไขเอกสารตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง จะช่วยให้กระบวนการเร็วขึ้น
- ปริมาณคำขอที่รอการพิจารณา : ในช่วงที่มีผู้ยื่นขอ อย. จำนวนมาก อาจทำให้ระยะเวลาในการพิจารณานานขึ้น
เทคนิคขอ อย. ชา ให้ผ่านง่าย ฉลุยทุกขั้นตอน

มาตรฐานสถานที่ผลิต
สถานที่ผลิตต้องสะอาด ถูกสุขลักษณะ มีการแบ่งพื้นที่การผลิตเป็นสัดส่วน ป้องกันการปนเปื้อน และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ GMP (Good Manufacturing Practice) หรือ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรระวังเรื่องความชื้น เพราะอาจส่งผลต่อคุณภาพของชา
การควบคุมคุณภาพการผลิต
- การคัดเลือกและจัดเก็บวัตถุดิบ : เลือกใช้ใบชาและสมุนไพร (กรณีชาสมุนไพร) ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน มีการจัดเก็บอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันความชื้น แมลง และสัตว์พาหะ
- การควบคุมกระบวนการผลิต : ควบคุมทุกขั้นตอนการผลิตอย่างเข้มงวด ตั้งแต่การล้าง การอบ การคั่ว การหมัก (ถ้ามี) การบรรจุ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
- การตรวจสอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป : สุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ชาสำเร็จรูปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าได้มาตรฐาน เช่น ตรวจสอบคุณภาพ สี กลิ่น รสชาติ ปริมาณสารสำคัญ (ถ้ามี) และความปลอดภัย
สูตรและส่วนประกอบ
- สูตรต้องชัดเจน : ระบุสูตรและส่วนประกอบทั้งหมดของชาอย่างละเอียด ถูกต้อง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์น้ำหนักให้ครบ 100%
- ส่วนประกอบต้องปลอดภัย : วัตถุดิบที่ใช้ต้องปลอดภัยและได้รับอนุญาตให้ใช้ในอาหาร ตรวจสอบรายชื่อวัตถุเจือปนอาหารที่อนุญาตจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข
- ระบุแหล่งที่มา (ถ้ามี) : กรณีที่ต้องการระบุแหล่งที่มาของชา หรือ ชาสมุนไพร ต้องมีหลักฐานประกอบ
ฉลากผลิตภัณฑ์
- ชื่ออาหาร : ต้องสื่อถึงชนิดและประเภทของชาอย่างชัดเจน
- เลขสารบบอาหาร (อย.) : ต้องขออนุญาตและได้รับเลข อย. ก่อนจึงจะแสดงบนฉลากได้
- ส่วนประกอบสำคัญ : แสดงส่วนประกอบทั้งหมด เรียงลำดับตามปริมาณจากมากไปน้อย
- ปริมาณสุทธิ : แสดงปริมาณสุทธิของชาในภาชนะบรรจุ
- วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ/ควรบริโภคก่อน : แสดงข้อมูลให้ชัดเจน อ่านง่าย
- ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต/ผู้นำเข้า/ผู้จัดจำหน่าย : ระบุข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่งให้ครบถ้วน
- วิธีเก็บรักษา : แนะนำวิธีการเก็บรักษาชาอย่างเหมาะสม
- วิธีชง (ถ้ามี) : แนะนำวิธีการชงชาที่เหมาะสม
- ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร (ถ้ามี) : เช่น “อาจมีส่วนผสมของ…”
- ข้อมูลโภชนาการ (ถ้ามี) : แสดงข้อมูลโภชนาการตามจริง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข
- เอกสารไม่ครบถ้วน : จัดทำเช็คลิสต์เอกสาร และตรวจสอบให้ครบถ้วนก่อนยื่นคำขอ
- ข้อมูลในเอกสารไม่ตรงกัน : ตรวจสอบความถูกต้องและสอดคล้องกันของข้อมูลในเอกสารทุกฉบับ
- ฉลากไม่ถูกต้อง : ศึกษาข้อกำหนดเกี่ยวกับฉลากชาให้ละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สามารถขอรับคำปรึกษาจาก อย. ได้
- สถานที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน : ปรับปรุงสถานที่ผลิตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ GMP หรือ HACCP และขอรับการตรวจประเมินสถานที่ผลิต
- สูตรและกรรมวิธีการผลิตไม่ชัดเจน : อธิบายสูตรและกรรมวิธีการผลิตโดยละเอียด พร้อมแนบเอกสารหรือรูปภาพประกอบ (ถ้ามี)
- ไม่ตอบสนอง หรือ ตอบสนองช้า : เมื่อได้รับคำขอให้แก้ไข หรือ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ ต้องรีบดำเนินการ และติดต่อกลับโดยเร็ว
FAQ คำถามพบบ่อย ขอ อย. ชา
- เลข อย. ชา มีอายุกี่ปี?
- โดยทั่วไป เลข อย. หรือใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร (สบ.5) ของชาไม่มีหมดอายุ เว้นแต่จะมีการเพิกถอน ยกเลิก หรือสั่งพักใช้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังคงมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และ อย. อาจมีการสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์และสถานที่ผลิตอย่างสม่ำเสมอ
- การขอ อย. ชา ใช้เวลานานไหม?
- ระยะเวลาในการขอ อย. ชา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความถูกต้องครบถ้วนของเอกสาร ประเภทของคำขอ ปริมาณงานของเจ้าหน้าที่ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 30-90 วันทำการ
- หากมีการเปลี่ยนแปลงสูตร ส่วนประกอบ หรือสถานที่ผลิต ต้องทำอย่างไร?
- เปลี่ยนแปลงสูตร ส่วนประกอบ (เล็กน้อย) : ต้องแจ้งรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงให้ อย. ทราบ เพื่อพิจารณาและบันทึกข้อมูลเพิ่มเติม (สบ.6)
- เปลี่ยนแปลงสูตร ส่วนประกอบ (มาก) : ต้องยื่นคำขอยกเลิกเลข อย. เดิม และดำเนินการขอเลข อย. ใหม่
- เปลี่ยนแปลงสถานที่ผลิต : ต้องแจ้ง อย. และขอรับการตรวจประเมินสถานที่ผลิตใหม่
- ชาสมุนไพรจำเป็นต้องขอ อย. หรือไม่?
- จำเป็น หากชาสมุนไพรนั้นบรรจุในภาชนะปิดสนิท พร้อมจำหน่าย ต้องขอเลข อย.
- ขายชาออนไลน์ ต้องขอ อย. หรือไม่?
- ต้องขอ หากชาที่ขายบรรจุอยู่ในภาชนะปิดสนิท ไม่ว่าจะขายผ่านช่องทางใดก็ตาม ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ คือค่าคำขอและค่าใบสำคัญฯ ซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทคำขอ
- ค่าใช้จ่ายในการขอ อย. ชา ประมาณเท่าไหร่?
- คำขอใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร (สบ.5) : 5,000 บาท
- คำขอแก้ไขรายการทะเบียนตำรับอาหาร (สบ.6) : 3,000 บาท
- คำขออนุญาตใช้/แก้ไขฉลากอาหาร (สบ.7) : 2,000 บาท
นอกจากนี้ อาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ ค่าเดินทางกรณีมีการตรวจสอบสถานที่ผลิต
ข้อควรระวัง :
- อย่าลืมเปลี่ยนคำว่า “กาแฟ” เป็น “ชา” ในส่วนอื่น ๆ ของบทความด้วย
- ตรวจสอบกฎระเบียบเกี่ยวกับ อย. ของชาอย่างละเอียดอีกครั้ง เผื่อมีการอัปเดตเพิ่มเติม
การขอ อย. ให้กับผลิตภัณฑ์ชา อาจดูเหมือนซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วไม่ยากเกินไป เพียงแค่ศึกษาข้อมูล เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง เท่านี้ธุรกิจกาแฟของคุณก็เติบโตได้อย่างมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค และพร้อมแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศ หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟ หวังว่าบทความนี้จะตอบคำถามที่ว่า “อย. คืออะไร” และเป็นคู่มือการขอ อย. ที่เป็นประโยชน์กับคุณ
(หมายเหตุ : ข้อมูลในบทความนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2567 กฎระเบียบต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ผู้ประกอบการควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ของ อย. เสมอ)
“สำหรับผู้ที่อยากจะเปิดร้านชา หัวใจสำคัญที่จะทำให้การขอ อย. ชา ผ่านได้ง่าย คือ การเลือกใช้ใบชาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐาน เพราะ อย. ให้ความสำคัญกับแหล่งที่มา กระบวนการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการแปรรูป หากคุณเลือกใช้วัตถุดิบชาที่มีคุณภาพดี มีแหล่งที่มาชัดเจน และผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขอ อย. ผ่านได้ง่ายขึ้น”

Bluemocha ผู้ผลิตและจำหน่ายใบชาจากเชียงใหม่ ที่มีชาให้เลือกมากกว่า 40 รายการ ทั้งชาไทย ชาเขียว ชาไต้หวัน และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งปลูกที่ได้มาตรฐานทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ทำให้ได้ใบชาที่มีคุณภาพ รสชาติดี และปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้การขอ อย. ของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้น “ไม่ว่าจะเป็น ชาไทยพรีเมียม, ชาไทยโกลด์, ชาเขียวพรีเมียม, ชาไต้หวัน, ชาไต้หวันพรีเมียม, ชาอัญชัน, ชามะลิใส, ผงครีมชีส, ผงโกโก้, ชาแดงโบราณ, ชาเขียวโกลด์, ชาเขียวมะลิ, ชาเขียวใส, ชาเขียวไม่มีสี, ชาเขียวมัทฉะ, ชาอู่หลงสีทอง GD-8, ชาพีนัทบัทเตอร์, ชากุหลาบ, ชาเบอร์รี่, ชาพีช, ชาสด, ชากระเจี๊ยบ และผงดาร์กเกอร์โกโก้ ที่มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า คุณสามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการ” นอกจากคุณภาพของวัตถุดิบแล้ว มาตรฐานของโรงงานผลิต ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการขอ อย. โรงงานที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตชานั้นสะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐาน
“Bluemocha มีโรงงานผลิตชาที่ได้มาตรฐาน HACCP, GHPs, HALAL และ USFDA ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรใบชา การคั่วอบ การบรรจุ จนถึงการจัดส่ง ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ชาทุกตัวมีคุณภาพและความปลอดภัย พร้อมสำหรับการยื่นขอ อย. นอกจากนี้ Bluemocha ยังมีบริการ OEM&ODM รับผลิตชาในแบรนด์ของลูกค้า พร้อมบริการยื่นจด อย. และขอรับรอง HALAL อีกด้วย” จะเห็นได้ว่าการเตรียมตัวขอ อย. ชานั้นมีหลายขั้นตอน และต้องใส่ใจในรายละเอียด สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และมั่นใจได้ในคุณภาพ Bluemocha พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดและให้คำปรึกษาแบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาสูตรชา การผลิต การบรรจุ การขอ อย. ไปจนถึงการส่งออก ด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น
- ฟรี! ค่าออกแบบ LOGO
- ฟรี! ตัวอย่างใบชาให้ทดลอง
- ฟรี! ยื่นจด อย. เมื่อสั่ง 100 Kg. ขึ้นไป
- บริการจดทะเบียนขอรับรอง HALAL เมื่อสั่งตั้งแต่ 500 Kg. ขึ้นไป
- บริการรับบรรจุชา
- บริการรับพัฒนาสูตรชาตามความต้องการของลูกค้า
- บริการขนส่งทั้งในและต่างประเทศ ด้วยบริษัทขนส่งชั้นนำ เช่น ไปรษณีย์, KERRY, DHL, SCG, J&T รวมไปถึงรถประจำทางและขนส่งทางเรือและเครื่องบิน
“Bluemocha จัดส่งสินค้าทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ และทุกการสั่งซื้อจะถูกจัดส่งในวันถัดไปทันที มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับสินค้าที่สดใหม่ มีคุณภาพ และพร้อมจำหน่าย”

“Bluemocha เราคือ เพื่อนคู่คิด ผลิตใบชา ให้คำปรึกษาครบวงจร”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง “อย. คืออะไร”
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) : https://www.fda.moph.go.th/
- สถาบันอาหาร : www.nfi.or.th






