ไขข้อข้องใจเรื่องชาไทยสีส้ม ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้ ชาไทยไร้ส้ม หรือ ชาไทยไม่ผสมสีส้ม ที่ให้รสชาติเข้มข้น หอมละมุน

ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้ เผยเรื่องสีชาไทย ครบทุกเรื่องชาไทยไม่ผสมสีส้ม!

ในปัจุบันที่อาหารและเครื่องดื่มสัญชาติไทยเกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้นผู้คนทั่วโลกต้องหันมาจับตามอง คงหนีไม่พ้น “ชาไทยเย็น (Thai Iced Tea)” เครื่องดื่มสีส้มสดใสที่มาพร้อมรสชาติหวานมัน กลมกล่อม และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ความนิยมนี้ไม่ใช่เรื่องที่กล่าวอ้างกันลอย ๆ แต่ได้รับการการันตีด้วยการติดอันดับ 15 ของเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก 100 อันดับแรก จากเว็บไซต์จัดอันดับอาหารชื่อดังอย่าง TasteAtlas มาแล้วหลายปี แต่ภาพลักษณ์อันงดงามและรสชาติที่คุ้นเคย เคยสงสัยกันไหมว่าสีส้มสดใสนั้นมีที่มาอย่างไร? และความเชื่อที่ว่าชาไทยแท้ต้องสีส้มนั้นเป็นความจริงหรือไม่? บทความนี้จากโรงงานผลิตชา Bluemocha จะพาคุณไปค้นหาคำตอบว่า “ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้” จริงหรือ? เราจะเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ ตั้งแต่การย้อนรอยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมการดื่มชาในสยามประเทศ ไขทุกความลับเบื้องหลังสีส้มที่กลายเป็นภาพจำ ไปจนถึงการเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพที่สำคัญ และสำรวจเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงของ “ชาไทยไร้ส้ม” หรือ “ชาไทยไม่ผสมสีส้ม” ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงในหมู่ผู้บริโภคที่ใส่ใจในคุณภาพและสุขภาพ อ่านบทความนี้จบ คุณจะมองแก้วชาไทยในมือเปลี่ยนไป!

ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึงเรื่องสีสันและรสชาติ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจวิวัฒนาการของเครื่องดื่มชนิดนี้ “ชา” (Tea) ซึ่งมีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า คาเมเลีย ไซเนนซิส (Camellia Sinensis) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบจีนและอินเดีย และได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ทรงอิทธิพลต่อวัฒนธรรมทั่วโลกมานานหลายพันปี สำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาพันธุ์ดีอย่าง “ชาพันธุ์อัสสัม” (Assam Tea) ถึง 87% ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด ก็มีประวัติศาสตร์การดื่มชาที่น่าสนใจและยาวนานไม่แพ้ชาติใด

ไขข้อข้องใจเรื่องชาไทยสีส้ม ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้ ชาไทยไร้ส้ม หรือ ชาไทยไม่ผสมสีส้ม ที่ให้รสชาติเข้มข้น หอมละมุน

อิทธิพลการดื่มชาในประเทศไทยได้รับมาจากชาวจีนที่อพยพและเข้ามาค้าขายในแผ่นดินสยามมาช้านาน แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่ยืนยันว่าวัฒนธรรมนี้ ปรากฏอยู่ในบันทึกของ “มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ (Monsieur de La Loubère)” ราชทูตชาวฝรั่งเศสที่เดินทางเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อปี พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) เขาระบุว่าชาวสยามในยุคนั้นนิยมดื่มชากันอยู่ก่อนแล้ว โดยเป็นการชงใบชาในน้ำร้อนดื่มแบบไม่เติมน้ำตาล มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้รับรองแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “ชา” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชนชั้นสูงและแพร่หลายในเขตเมืองหลวงมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

ภาพจำของชาไทยที่เรารู้จักในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งความหวานมันและเย็นชื่นใจนั้น เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นในช่วงร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้เอง โดยมีปัจจัยสำคัญ 2 ประการที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์

ไขข้อข้องใจเรื่องชาไทยสีส้ม ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้ ชาไทยไร้ส้ม หรือ ชาไทยไม่ผสมสีส้ม ที่ให้รสชาติเข้มข้น หอมละมุน
  1. การเข้ามาของนมข้นหวาน : ในปี พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893) บริษัทเนสท์เล่ (Nestle) ได้นำผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน “ตราแหม่มทูนหัว” เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยรสชาติที่หวานมันเข้มข้นและราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้เกิดการทดลองนำนมข้นหวานมาผสมในเครื่องดื่มต่าง ๆ รวมถึงชา เพื่อเพิ่มรสชาติและความกลมกล่อมจนเป็นที่ถูกปากคนไทยอย่างรวดเร็ว
  2. กำเนิดโรงน้ำแข็งแห่งแรก : ในปี พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ตรงกับช่วงปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้มีการจัดตั้งโรงน้ำแข็งแห่งแรกขึ้นในสยาม การมีอยู่ของ “น้ำแข็ง” ทำให้แนวคิดการดื่มเครื่องดื่มแบบเย็นเพื่อดับกระหายในเมืองร้อนกลายเป็นจริงขึ้นมา

นมข้นหวาน” และ “น้ำแข็ง” นำไปสู่ความนิยมของร้านกาแฟโบราณ หรือ “โกปี๊” ที่มีมากมาย ร้านเหล่านี้ไม่ได้ขายเพียงกาแฟ แต่ยังขาย “ชาเย็น” ที่มีรสชาติหอม หวาน มัน เย็นชื่นใจ ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ กลายเป็นเครื่องดื่มคู่ใจของคนทำงานที่ช่วยเติมพลังและแรงงานในยุคนั้น เมื่อความนิยมของชาเย็นเพิ่มสูงขึ้น ก็เริ่มมีผู้ประกอบการที่หันมาจับธุรกิจใบชาอย่างจริงจัง หนึ่งในแบรนด์ที่กลายเป็นตำนานและสร้างภาพจำให้กับชาไทยมาจนถึงทุกวันนี้คือ “ชาตรามือ” ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) แรกเริ่มเดิมทีเป็นการนำเข้าชาจากจีนมาขายแบบชงร้อนตามแบบดั้งเดิม แต่เมื่อได้ปรับปรุงสูตรโดยการเติม นม-น้ำตาล ลงในชาแดง และเติม น้ำแข็ง-นม-น้ำตาล ลงในชาดำ ก็ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย กลายเป็นรสชาติมาตรฐานที่คนไทยคุ้นเคย และภาพลักษณ์ของชาไทยสีส้มสดก็ได้เริ่มก่อตัวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังจากที่เราทราบแล้วว่า “ชาไทยเย็น” ในรูปแบบปัจจุบันถือกำเนิดขึ้นมาอย่างไร? คำถามสำคัญที่หลายคนยังคงสงสัยก็ตามมา แล้วสีส้มสดใสจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทั่วโลกจดจำนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่? ทำไมชาที่ชงจากใบไม้ธรรมชาติถึงมีสีที่ดูราวกับสังเคราะห์ขึ้น?

ที่มาของสีส้มในชาไทยนั้นไม่ได้มีบันทึกไว้แน่ชัด แต่มีทฤษฎีที่น่าเชื่อถือและถูกเล่าต่อกันมา 2 ข้อหลักด้วยกัน

  1. เพื่อสร้างความแตกต่างจากกาแฟ : ในยุคที่ร้านกาแฟโบราณเฟื่องฟู ทั้ง “ชาเย็น” และ “กาแฟเย็น” ต่างก็เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ใส่นมข้นหวานเหมือนกัน ทำให้เมื่อชงเสร็จแล้วมีสีน้ำตาลเบจที่คล้ายกันมาก พ่อค้าแม่ค้าในยุคนั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการเติมสีผสมอาหารลงไปในชา เพื่อให้ลูกค้าสามารถแยกเครื่องดื่มทั้งสองชนิดออกจากกันได้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น นอกจากสีแล้ว บางสูตรยังมีการเติมเครื่องเทศอย่างโป๊ยกั๊กหรือมะขามบดเข้าไปเพื่อสร้างกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาให้โดดเด่นขึ้นไปอีก
  2. เพื่อยืดอายุกากชา : อีกหนึ่งทฤษฎีที่น่าสนใจ ย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 ที่มีชาวตะวันตกเข้ามาอาศัยอยู่ในสยามและนำวัฒนธรรมการดื่มชาเข้ามาด้วย ว่ากันว่าคนรับใช้ชาวไทยในสมัยนั้นเสียดายกากชาคุณภาพดีราคาแพงที่เจ้านายชงดื่มเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง จึงนำกากชานั้นมาต้มซ้ำ แต่เนื่องจากน้ำชารอบสองรอบสามมีสีที่จางลงมาก จึงเกิดความคิดในการเติมสีสันจากธรรมชาติ เช่น มะขามเปียก หรือสีผสมอาหารที่มีในยุคนั้น พร้อมกับเครื่องเทศต่างๆ เพื่อ “ยืดอายุ” ให้กากชาดูมีสีเข้มข้นน่าดื่มเหมือนเดิม และรสชาติก็หอมหวานอร่อยไปอีกแบบ จนวิวัฒนาการกลายเป็นสูตรชาไทยที่สืบต่อกันมา

ไม่ว่าทฤษฎีในอดีตจะเป็นเช่นไร แต่ในปัจจุบัน ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ สีส้มสดใสในผงชาไทยสำเร็จรูปส่วนใหญ่ในท้องตลาดนั้น มาจาก “สีผสมอาหารสังเคราะห์” (Synthetic Food Coloring) ที่มีชื่อทางเคมีว่า “ซันเซ็ท เยลโลว์ เอฟซีเอฟ” (Sunset Yellow FCF) หรือที่รู้จักกันในรหัส E110 และ Yellow No. 6 เหตุผลที่ผู้ผลิตเลือกใช้สีสังเคราะห์ชนิดนี้ก็เพื่อผลทางการตลาดเป็นหลัก นั่นคือการสร้างสีสันที่สดใส สม่ำเสมอทุกล็อตการผลิต และดึงดูดสายตาผู้บริโภค อีกทั้งยังช่วยคงสีส้มสวยไว้ได้แม้จะผสมกับนมหรือโดนน้ำแข็งทำให้เจือจาง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบสนองต่อภาพจำและความคาดหวังของผู้บริโภคที่ถูกปลูกฝังมานานหลายสิบปีว่า “ชาไทยแท้ต้องสีส้ม”

ไขข้อข้องใจเรื่องชาไทยสีส้ม ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้ ชาไทยไร้ส้ม หรือ ชาไทยไม่ผสมสีส้ม ที่ให้รสชาติเข้มข้น หอมละมุน

ประเด็นที่น่าคิดคือ ในขณะที่สีชนิดนี้ยังเป็นที่อนุญาตให้ใช้ได้ในประเทศไทย (ภายใต้การควบคุมปริมาณ) แต่ในหลายประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะสหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร (UK) ได้มีมาตรการ “แบน” หรือควบคุมการใช้สีสังเคราะห์ชนิดนี้อย่างเข้มงวด เนื่องจากข้อกังวลด้านผลกระทบต่อสุขภาพ นี่จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมชาไทยยี่ห้อดังบางยี่ห้อถึงมีข้อความระบุบนบรรจุภัณฑ์ว่า “For Domestic Use Only” (สำหรับใช้ในประเทศเท่านั้น) ก็เพราะผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมของ Sunset Yellow FCF ทำให้ไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายในประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวดเหล่านี้นั่นเอง

ข้อกังวลด้านสุขภาพและกระแสการบริโภคที่เปลี่ยนไป โลกออนไลน์ได้กลายเป็นพื้นที่สะท้อนความคิดเห็นของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ทรงพลัง เกิดเป็นบทสนทนาและการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ นั่นคือการเรียกร้องหาชาไทยในรูปแบบที่ปลอดภัยกว่าเดิม จนเกิดเป็นเทรนด์ “ชาไทยไม่ใส่สี” หรือ “ชาไทยไม่แต่งสี” ที่กำลังเติบโตขึ้นนี่ไม่ใช่แค่กระแสแฟชั่นชั่วข้ามคืน แต่คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความใส่ใจในสิ่งที่พวกเขาดื่มเข้าไป เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค “บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด” ได้ใช้เครื่องมือ Social Listening เพื่อสำรวจเสียงของผู้คนในสังคมออนไลน์ และผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าทึ่งอย่างยิ่ง โดยพบว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการพูดถึง (Mention) คำว่า “ชาไทยไม่ใส่สี” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) รวมกันหลายแสนครั้ง

ไขข้อข้องใจเรื่องชาไทยสีส้ม ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้ ชาไทยไร้ส้ม หรือ ชาไทยไม่ผสมสีส้ม ที่ให้รสชาติเข้มข้น หอมละมุน

แต่ข้อมูลที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้บริโภคแล้ว พบว่า 84.9% ของผู้ที่แสดงความคิดเห็น ชื่นชอบและสนับสนุนชาไทยรูปแบบใหม่ที่ไม่ใส่สีสังเคราะห์ ตัวเลขนี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าตลาดพร้อมแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง เหตุผลหลักที่ผู้บริโภคหันมาสนใจ “ชาไทยไม่ใส่สี” คือ :

  • ความใส่ใจในสุขภาพ : ผู้บริโภคยุคใหม่ตระหนักถึงความปลอดภัย ต้องการหลีกเลี่ยงสารเคมีและวัตถุเจือปนที่ไม่จำเป็น
  • การค้นหารสชาติที่แท้จริง : หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่ารสชาติชาไทยที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร และต้องการสัมผัสรสชาติของใบชาจริงๆ โดยไม่มีสิ่งใดมาบดบัง
  • สอดคล้องกับเทรนด์โลก : กระแสอาหารคลีน, ออร์แกนิก, และความเป็นธรรมชาติ เป็นเทรนด์การบริโภคที่แข็งแกร่งทั่วโลก ซึ่งชาไทยไร้สีก็ตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว

แน่นอนว่ายังคงมีผู้บริโภคบางส่วนที่คุ้นเคยและยังชื่นชอบชาไทยสีส้มแบบเดิมอยู่ ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจ แต่แนวโน้มที่เกิดขึ้นก็ชัดเจนเกินกว่าจะปฏิเสธได้ว่า อนาคตของชาไทยกำลังมุ่งหน้าไปสู่ “ความธรรมชาติ” มากขึ้น เมื่อความต้องการของผู้บริโภคชัดเจน โรงงานผลิตชาที่เชี่ยวชาญในวงการชามาอย่างยาวนาน Bluemocha เห็นถึงช่องว่างในตลาดที่ต้องการผลิตภัณฑ์ชาไทยคุณภาพสูง ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านรสชาติและความปลอดภัย เราจึงได้ทุ่มเทวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการชาไทย

“ชาไทยไม่แต่งสี (Pure Thai Tea)” ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการรสชาติชาไทยที่ธรรมชาติ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่โดยเฉพาะ ที่จะส่งมอบชาไทยที่ทั้งอร่อย และธรรมชาติ หัวใจของ “Pure Thai Tea” คือความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงกระบวนการผลิตที่เป็นสูตรลับเฉพาะของโรงคั่วชา Bluemocha เท่านั้น

  • คัดสรรวัตถุดิบ : เราใช้ใบชาอัสสัมแท้ 100% จากแหล่งปลูกคุณภาพสูงในภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ให้รสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับการทำชาไทยที่สุด
  • กระบวนการคั่วที่เป็นเอกลักษณ์ : ใบชาทุกล็อตจะผ่านกระบวนการคั่วพิเศษแบบฉบับชาเหนือ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่ช่วยดึงกลิ่นหอมอโรม่าของชาออกมาได้อย่างเต็มที่ และสร้างมิติของรสชาติที่ลุ่มลึกกว่าที่เคย และที่สำคัญที่สุด ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ผ่านการแต่งสีสังเคราะห์ 100% คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับเพียงรสชาติและสีสันจากธรรมชาติของใบชาแท้ ๆ เท่านั้น
  • สีของชา : ลืมภาพชาไทยสีส้มสดไปได้เลย เพราะเมื่อคุณชงชาของเรา จะได้พบกับน้ำชา สีน้ำตาลแดงอมน้ำตาลเหลือง ที่สวยงามเป็นประกาย สีที่ได้คือสีแท้ๆ จากธรรมชาติของใบชาอัสสัมคั่วพิเศษ ซึ่งความเข้มของสีอาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละครั้งที่ชง อันเป็นเสน่ห์และเครื่องยืนยันของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่างแท้จริง
  • กลิ่น : ทันทีที่น้ำร้อนสัมผัสกับใบชา คุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นหอมฟุ้งของใบชาคั่วแท้ๆ ที่ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ เป็นกลิ่นที่สะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากกลิ่นสังเคราะห์เจือปน ทำให้ทุกครั้งที่ดื่มคือการดื่มด่ำกับอโรม่าของชาอย่างเต็มที่
  • รสชาติ : นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด “Pure Thai Tea” มอบรสชาติที่นุ่ม ไม่ทิ้งรสฝาดไว้ที่ปลายลิ้น เหมือนชาที่ใส่สีทั่วไป คุณจะได้รับรสชาติที่กลมกล่อม มีมิติของความหอมจากใบชาคั่วที่ซับซ้อน ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอและสดชื่นอย่างแท้จริง
  • ลักษณะใบชา : เราเลือกใช้ใบชาบดหยาบ ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุดในการสกัดรสชาติและกลิ่นออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ไม่ปลดปล่อยสารแทนนิน (Tannin) ที่ก่อให้เกิดรสฝาดออกมามากเกินไป นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้ชาของเราเข้มแต่ไม่ฝาด

ความพิเศษของ “ชาไทยไม่แต่งสี (Pure Thai Tea)” คือความสามารถในการปรับใช้ได้อย่างหลากหลายอย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ดื่มทั่วไปที่อยากชงชา หรือเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟที่ต้องการวัตถุดิบคุณภาพ

ชงได้หลากหลายเมนู :

  • เมนูนม : ด้วยรสชาติที่เข้มข้นและหนักแน่น ทำให้ชาของเรา “สู้กับนมได้ดี” เมื่อนำไปทำชานมไทย รสชาติของชาจะไม่ถูกความหวานมันของนมกลบจนหมด แต่จะผสานกันอย่างลงตัว ได้รสชานมที่เข้มข้น กลมกล่อม และหอมขึ้นจมูก
  • เมนูใส : เมื่อนำไปชงเป็นชามะนาว หรือชาผลไม้ ต่าง ๆ คุณจะได้น้ำชาสีอำพันใสที่สวยงามน่าดื่ม และด้วยรสชาติที่ไม่ฝาด ทำให้รสชาติของชาไม่ขมโดดออกมา แต่จะช่วยเสริมรสเปรี้ยวหวานของผลไม้ให้สดชื่นยิ่งขึ้น

เหมาะสำหรับทุกอุปกรณ์ :

  • เครื่องชงกาแฟ : สกัดเป็น “ช็อตชา” ได้รวดเร็ว ให้รสชาติเข้มข้น และควบคุมมาตรฐานได้ง่าย
  • ถุงกรอง : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดึงรสชาติและกลิ่นอายแบบคลาสสิกออกมาอย่างเต็มที่
  • การต้มหม้อใหญ่ : สามารถนำไปต้มในหม้อใหญ่เพื่อทำสต็อกชาไว้สำหรับชงขายในปริมาณมาก ช่วยประหยัดเวลาในการดำเนินงานหน้าร้าน

ที่ Bluemocha เราไม่ได้มีเพียงผลิตภัณฑ์ชาคุณภาพเยี่ยมภายใต้แบรนด์ของเราเท่านั้น แต่เรายังเป็นโรงงานผู้ผลิตชาที่พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญในการสร้างแบรนด์ชาให้เป็นของคุณ OEM&ODM สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ ร้านอาหาร โรงแรม และผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างความแตกต่างในตลาด เราเข้าใจดีว่าการสร้างแบรนด์ต้องใช้ความเชี่ยวชาญและการสนับสนุนที่ดี เราจึงมีบริการครบวงจรเพื่อทำให้เส้นทางการเป็นเจ้าของแบรนด์ชาของคุณเป็นเรื่องง่ายและประสบความสำเร็จ

ไขข้อข้องใจเรื่องชาไทยสีส้ม ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้ ชาไทยไร้ส้ม หรือ ชาไทยไม่ผสมสีส้ม ที่ให้รสชาติเข้มข้น หอมละมุน
  • ความหลากหลาย : เรามีใบชาให้คุณเลือกสรรมากกว่า 50 ชนิด ทั้งใบชาที่ปลูกจากวัตถุดิบคุณภาพในไทย และใบชานำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการ
  • ออกแบบรสชาติเฉพาะ : คุณสามารถออกแบบรสชาติชาในแบบฉบับของคุณเองได้ เรามีบริการให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนารสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับแบรนด์ของคุณ เริ่มต้นผลิตที่ 60 กิโลกรัมขึ้นไป
  • ผลิตภายใต้แบรนด์ของคุณ : ต้องการชาคุณภาพในแบรนด์ของคุณ? เราพร้อมผลิตให้ด้วยขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 51 กิโลกรัมขึ้นไป
  • บริการยื่นขอ อย. : สำหรับลูกค้าที่ต้องการความน่าเชื่อถือและมาตรฐานสูงสุด เรามีบริการดำเนินการยื่นขออนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ ขั้นต่ำการผลิต 100 กิโลกรัมขึ้นไป
  • บรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย : เลือกขนาดบรรจุได้หลากหลายตามความต้องการทางธุรกิจของคุณ: 250g, 500g, 1kg, 5kg, 10kg, และ 20kg
  • ออกแบบโลโก้และฉลากฟรี : เพื่อลดภาระให้ผู้ประกอบการ ทีมงานกราฟิกของเราพร้อมบริการออกแบบโลโก้และฉลากสินค้าให้คุณฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • พิมพ์แบรนด์ลงบนซอง : เรามีบริการพิมพ์โลโก้หรือข้อความของคุณลงบนซองชาโดยตรง (สอบถามจำนวนขั้นต่ำกับพนักงาน)
  • ทดลองก่อนตัดสินใจ : เรายินดีส่งตัวอย่างให้ทดสอบฟรี! เพื่อให้คุณมั่นใจในคุณภาพและรสชาติก่อนเริ่มการผลิตจริง
  • การจัดส่งทั่วประเทศ : สำหรับยอดสั่งผลิตตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป เรามีบริการจัดส่งทั่วประเทศฟรี หากยอดสั่งผลิตต่ำกว่านั้น สามารถสอบถามเรทค่าบริการขนส่งราคาพิเศษกับทีมงานของเราได้เลย
  • ถาม : ชาไทยไม่แต่งสีของ Bluemocha แตกต่างจากชาไทยสีส้มทั่วไปอย่างไร?
    • ตอบ : แตกต่างกัน “ชาไทยไม่แต่งสี” ของเราผลิตจากใบชาอัสสัมแท้ 100% ไม่ใส่สีสังเคราะห์ ให้สีน้ำตาลแดงตามธรรมชาติ มีกลิ่นหอมของใบชาแท้ที่ชัดเจน และมีรสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม ไม่ฝาดลิ้น ซึ่งต่างจากชาไทยสีส้มทั่วไปที่มักใช้สีผสมอาหารและอาจมีรสฝาดปนมา
  • ถาม : ชาไทยไม่แต่งสี สามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ไหม ?
    • ตอบ : เหมาะสำหรับส่งออกไปต่างประเทศมาก ๆ เพราะบางประเทศจะห้ามนำเข้าชามีสี
  • ถาม : อยากสร้างแบรนด์ชาของตัวเอง แต่ไม่มีประสบการณ์ ต้องเริ่มต้นอย่างไร?
    • ตอบ : เพียงติดต่อทีมขายของเราผ่าน Line หรือเบอร์โทรศัพท์ เพื่อขอคำปรึกษาเบื้องต้นและขอรับตัวอย่างชาไปทดลองฟรี ทีมงานของเราพร้อมให้คำแนะนำทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกรสชาติ การออกแบบ ไปจนถึงการผลิตจริง เราพร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้แบรนด์ของคุณ
  • ถาม : ขั้นต่ำในการสั่งผลิตชา OEM และ ODM เท่าไหร่?
    • ตอบ : สำหรับการผลิตชาภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (OEM) เริ่มต้นที่ 51 กิโลกรัม ส่วนการพัฒนารสชาติสูตรเฉพาะของลูกค้าเอง (ODM) เริ่มต้นที่ 60 กิโลกรัม และหากต้องการยื่นขอ อย. จะมีขั้นต่ำการผลิตที่ 100 กิโลกรัม
  • ถาม : มีบริการออกแบบโลโก้ให้ด้วยหรือไม่ มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
    • ตอบ : เรามีทีมกราฟิกคอยบริการออกแบบโลโก้และฉลากสินค้าให้ลูกค้า OEM&ODM ของเราฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • ถาม : โรงงาน Bluemocha อยู่ที่ไหน สามารถเข้าไปดูได้หรือไม่?
    • ตอบ : โรงงานของเราตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ หากท่านสนใจเข้าเยี่ยมชมหรือต้องการเข้ามาปรึกษาเรื่องรสชาติชา สามารถติดต่อเพื่อนัดหมายวันและเวลากับทีมงานของเราล่วงหน้าได้เลย

ไม่ว่าคุณจะสนใจผลิตภัณฑ์ “ชาไทยไม่แต่งสี (Pure Thai Tea)” สำหรับใช้ในร้านหรือดื่มเอง หรือต้องการเริ่มต้นสร้างแบรนด์ชาในฝันให้เป็นจริง ทีมงาน Bluemocha ยินดีให้คำปรึกษาและบริการอย่างเต็มที่

แหล่งข้อมูลอ้างอิงเกี่ยว “ชาไทยไม่ส้มก็อร่อยได้”

Other Blogs